โอซาก้า (Osaka:大阪)
สำหรับใครที่หลงใหลประเทศญี่ปุ่น ที่นี่คือจุดเช็คอินต้นๆ ของนักท่องเที่ยวชาวไทย เป็นเมืองที่นิยมมากเมืองหนึ่งเลยค่ะ เพราะที่นี่ อาหารอร่อย ผู้คนมีนิสัยคล้ายคนไทย มีสถานที่ท่องเที่ยวครบทุกรูปแบบ และยังเป็นจุดเชื่อมต่อในการเดินทางไปยังจังหวัดอื่นๆใกล้เคียงได้อย่างสะดวกและรวดเร็วอีกด้วย สามารถไปโอซาก้าได้โดยการนั่งเครื่องบินจากไทยไปลงที่สนามบินคันไซ (Kansai Airport)
1. ปราสาทโอซาก้า Osaka Castle
ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle) เป็นสัญลักษณ์ของโอซาก้าเลยก็ว่าได้ ใครมาโอซาก้าก็ควรจะต้องไปเยี่ยมชม ถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก เป็นโซนที่สามารถเพลิดเพลินกับประวัติศาสตร์ได้อย่างเต็มอิ่ม นอกจากปราสาทแล้วก็ยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ เช่น พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ แถมยังมีย่านเคียวบาชิซึ่งยังคงหลงเหลือย่านชุมชนเก่าแก่อีกต่างหาก ที่นี่จึงเรียกได้ว่าเป็นแหล่งสัมผัสประวัติศาสตร์ของโอซาก้าแท้ๆ เลยจ้า และทุกปีจะมีการประดับไฟไลท์อัพตัวปราสาทขึ้นหลายครั้ง เช่น ในฤดูชมซากุระ
ทางเข้าจะมีร้านกาแฟเล็กๆไว้ให้เป็นพร๊อบถ่ายรูปเบาๆ สไตล์ชิคๆ
ก่อนจะถึงตัวปราสาทบอกเลยว่าอัพรูปไปแล้วเยอะมาก 5555 เพราะบริเวณรอบๆ ปราสาทคือวิวดี เราพยามมองหาจุดโฟกัสที่เก็บไว้ให้คิดถึงนานๆ ค่อยเดินชมเก็บบรรยากาศ
2. มาโอซาก้าต้องไปถ่ายรูปกับ "ป้ายกูลิโกะ" ที่โดทงโบริ
โอซาก้าเนี่ยเป็นเมืองที่แข่งกันทำ "ป้ายยักษ์" เลยนะ ใครที่มาเที่ยวก็ต้องแวะเวียนไปถ่ายรูปกับป้ายกูลิโกะ และปูยักษ์ที่สื่อความเป็นเมืองแห่งแสงสีของโอซาก้า
ป้ายอลังการนี้ติดตั้งโดยบริษัทขนมยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นอย่าง "Ezaki Glico" ป้ายมีความสูงถึง 20 ม. และกว้างกว่า 10.4 ม.เลยนะ ส่วนรูปที่อยู่บนป้ายเป็นรูป "นักวิ่งกูลิโกะ (Glico runner)" กำลังโพสท่าชูมือเข้าเส้นชัย แน่นอนมาที่นี่ต้องอย่าลืมโพสท่าเดียวกันถ่ายรูปเป็นที่ระลึกซักหน่อย ส่วนอีกที่ที่อยากแนะนำคือ บริเวณถนนเรียบริมคลองโดทงโบริฝั่งตรงข้ามกับป้ายค่ะ จากมุมนี้เราจะสามารถถ่ายรูปป้ายหน้าตรงได้สวยงามเลย
3. "ปูยักษ์" ต้อนรับหน้าทางเข้าโดทงโบริ
"คานิโดราคุ" เป็นร้านที่ขายแต่ปูเท่านั้น ก่อตั้งขึ้นในโอซาก้า หน้าร้านมีป้ายปูยักษ์ที่เรียกว่า "คานิซุคิ" ขนาดสูงใหญ่กว่า 4 ม. กว้าง 8 ม. ตั้งอยู่ล่ะ ว่ากันว่าถ้าเอาปูไซส์นี้มาทำอาหารจะเลี้ยงคนได้ด้ว่า 16,000 คนเลยนะ!!! ส่วนบริเวณขานั้นขยับได้ด้วย ซึ่งแต่ละสาขาเขาว่าจะขยับต่างกันไป จะถ่ายรูปหรือวิดีโอก็ฟิลกู้ดมาก
■ข้อมูล
"ป้ายปูยักษ์ขยับได้" ของร้าน Kanidoraku Main Branch
ที่อยู่: 1-6-8 Dotonbori, Chuo-ku, Osaka-shi, Osaka
4. Universal Studios Japan
Universal Studios Japan® คือ สวนสนุกธีมปาร์คสำหรับสัมผัสโลกแห่งภาพยนตร์ฮอลลีวูดในโอซาก้า เต็มไปด้วยเครื่องเล่นยอดนิยมที่จำลองมาจากโลกภาพยนตร์มากมายไม่ว่าจะเป็น Jaws, Jurassic Park The Ride และ The Wizarding World of Harry Potter
The Wizarding World of Harry Potter™
ที่มาแล้วไม่เข้าโซนนี้ไม่ได้เลย เพราะความใฝ่ฝันสูงสุดคือการเข้าเรียนที่โรงเรียนคาถาพ่อมดแม่มดและเวทมนตร์ศาสตร์ฮอกวอตส์ กรี๊ดดดดด อยากมีบ้านอยู่ในหมู่บ้านฮอกมีดส์เลยค่ะทุกคน
เคยไปมาเมื่อหลายปีมาแล้วพอเข้ามาต้องรีบไปกดบัตรคิวเพื่อเข้าโซนแฮรี่พอตต์ก่อน แต่ล่าสุดไปมาไม่ต้องกดบัตรคิวแล้วเดินเข้าไปได้เลย ยังไงทุกคนอย่าลืมเช็คก่อนจะไปตอนนั้นๆด้วยนะคะ
เมื่อเราเดินเข้ามาในโซนแฮร์รี่ เราบอกเลยนะว่าเหมือนฝันที่เป็นจริง เราหลุดมาอยู่อีกโลกนึงที่เหมือนเรามาอยู่ในหนังจริงๆ ตั้งแต่ป่าสนตรงทางเข้า ดนตรีตอนที่ฮอกวอตส์เปิดเรียนวันแรก สถานีรถไฟคิงส์ครอส ชานชาลาเลขที่ 9 ¾ / หมู่บ้านเวทมนต์ต่างๆ ที่มีของตกแต่งจากในหนังที่เคลื่อนไหวได้ และปราสาทฮอกวอตส์ที่ขาดไม่ได้
ทุกคน.....ทั้งหมดนี้คือดีย์ และบรรยากาศได้มากกกก ไม่อยากอยากจากไปไหนเลยบางคนถึงขึ้นซื้อตั๋วแบบสองวันเพื่ออยู่ในโซนนี้ทั้งวัน แล้วค่อยเก็บโซนอื่นอีกหนึ่งวัน นั่นแหละซ้ำหลายรอบแล้ว และจะยังคงไปซ้ำอีกแน่นอน
ในสวนสนุกมีอีกหลายโซนมากค่ะ เดี๋ยวค่อยไปรีวิวแบบจริงจังอีกทีนะคะ^^
5. ชิงช้าสวรรค์เท็มโปซาน
Tempozan Giant Ferris Wheel
ชิงช้าสวรรค์ขนาดยักษ์ มีความสูง 112.5 เมตร แน่นอนว่าตรงจุดนี้เป็นจุดที่เราจะสามารถชมวิวทิวทัศน์ของเมืองโอซาก้าได้โดยรอบเลยทีเดียวค่ะ
6. Osaka Museum of Housing and Living
ความเปลี่ยนแปลงของบ้านเมืองโอซาก้าด้วยพิพิธภัณฑ์ที่นำเสนอที่อยู่อาศัยยุคสมัยใหม่
สำหรับความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ที่อยู่อาศัยในเมืองโอซาก้าเองก็ใช้วิธีการนำเรื่องราวในอดีตมาจัดเรียงใหม่เป็นระบบลงในพิพิธภัณฑ์ที่ว่าด้วยเรื่องที่อยู่อาศัยใน Osaka Museum of Housing and Living สิ่งที่น่าสนใจคือการเล่าเรื่องประวัติศาสตร์ที่ออกจะเป็นยาขมกับคนที่ไม่ได้สนใจประวัติศาสตร์ ให้ออกมาเข้าใจง่าย จับต้องได้ เล่นได้ การเข้ามายังพิพิธภัณฑ์นี้ให้เริ่มต้นที่หาอาคารในย่านสถานีเทนจิมบาชิ เพื่อมายัง Housing Information Center จากนั้นขึ้นลิฟต์มาที่ชั้น 8